E-Business Infrastructure.
ผลการเรียนรู้
- สามารถร่างฮาร์ดแวร์และเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ที่ใช้เป็นโครงสร้าง E-Business ซึ่งเป็นพื้นฐานภายในองค์กรและคู่ค้าได้
- สามารถร่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานของพนักงานเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตและโฮสติ้งของ E-Commerce ได้
ปัญหาทั่วไป
- การสื่อสารผ่านเว็บไซต์มีความล่าช้า
- เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้
- ข้อบกพร่องที่เว็บไซต์ไม่มีความต่อเนื่องในการทำงาน หรือข้อมูลที่กรอกลงในฟอร์มไม่ถูกดำเนินการ
- สินค้าที่สั่งซื้อ ไม่ได้รับตามกำหนดเวลา
- ไม่มีอีเมล์ตอบกลับ
- ปัญหาความไม่ปลอดภัยของข้อมูล
โครงสร้างพื้นฐานของ E-Business
1. E-business services-applications layer ชั้นของแอปฟลิเคชั่น - ชั้นของโปรแกรม ต่างๆ
จะเป็นการใช้แอปฟลิเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์
2. Systems software layer - การนำโปรแกรมมาใช้งานให้ชั้นที่ 1 ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่อง
ของการจัดการซอฟต์แวร์
3. Transport or network layer - เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอลต่างๆ ประสาน
งานกับเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่าย
4. Storage/physical layer - เป็นชั้นที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้
ในส่วนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อะไรเก็บ
5. Content and data layer - ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต เอ็กทราเน็ต อินทราเน็ต
Key management issues of e-business infrastructure
1. ประเภทของ E-business ที่เกี่ยวข้องกับแอปฟลิเคชั่่น เช่นก่ารจัดซื้อจัดจ้าง การรักษาความ
ปลอดภัยของการจัดซื้อ การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น
2. ใช้เทคโนโลยีอะไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เช่น e-mail เป็นต้น
3. ทำอย่างไรเพื่อจะให้บริการต่างๆ มีประสิทธิภาพ
4. จะนำบริการนี้ไปติดตั้งไว้ที่ไหนอย่างไร เช่นเอาไปติดตั้งที่เครื่อง server เอง หรือ ใช้บริการบริษัทภายนอกองค์กร
อินเทอร์เน็ต คืออะไร ?
จะเป็นการใช้แอปฟลิเคชั่น โดยไม่สนใจซอฟต์แวร์
2. Systems software layer - การนำโปรแกรมมาใช้งานให้ชั้นที่ 1 ประสบความสำเร็จ เป็นเรื่อง
ของการจัดการซอฟต์แวร์
3. Transport or network layer - เป็นชั้นที่ใช้ในการสื่อสาร เช่น พวกโปรโตคอลต่างๆ ประสาน
งานกับเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่าย
4. Storage/physical layer - เป็นชั้นที่ใช้เก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิกส์ แรม ว่าเก็บข้อมูลไว้
ในส่วนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อะไรเก็บ
5. Content and data layer - ชั้นนี้เกี่ยวข้องกับพวก อินเตอร์เน็ต เอ็กทราเน็ต อินทราเน็ต
Key management issues of e-business infrastructure
1. ประเภทของ E-business ที่เกี่ยวข้องกับแอปฟลิเคชั่่น เช่นก่ารจัดซื้อจัดจ้าง การรักษาความ
ปลอดภัยของการจัดซื้อ การบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เป็นต้น
2. ใช้เทคโนโลยีอะไรเพื่อให้ถึงเป้าหมาย เช่น e-mail เป็นต้น
3. ทำอย่างไรเพื่อจะให้บริการต่างๆ มีประสิทธิภาพ
4. จะนำบริการนี้ไปติดตั้งไว้ที่ไหนอย่างไร เช่นเอาไปติดตั้งที่เครื่อง server เอง หรือ ใช้บริการบริษัทภายนอกองค์กร
อินเทอร์เน็ต คืออะไร ?
อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลายๆ
เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด
และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆรวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต่อ 100 คนที่อาศัยอยู่
ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำแนกตามการใช้ภาษา
เนื้อหาในเว็บไซต์จำแนกตามภาษา
ดัชนีของจำนวนเซิร์ฟเวอร์
Firewalls
คือ องค์ประกอบส่วนหนึ่งของเครือข่ายทำหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลที่ผ่านเข้าออกระหว่างระบบเครือข่ายภายในองค์กรกับเครือข่ายภายนอก (ที่ไม่น่าไว้วางใจ) เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางเครือข่าย โดยไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาใช้งานในระบบ รวมทั้งป้องกันการโจมตีในรูปแบบต่างๆ
วิวัฒนาการของเว็บ
WEB 1.0
WEB 1.0 เป็นการให้ข้อมูลด้านเดียว เว็บ 1
เว็บจะมีผู้ใช้ 1 คนคือ Web Master หรือผู้สร้างเว็บ เป็นผู้ให้ข้อมูลในรูปแบบของ html หรือข้อมูลต่างๆ และ
ผู้เข้าชมเว็บเป็นผู้รับข้อมูล คือ
กดเข้าไปอ่านส่วนเจ้าของมีหน้าที่คือ Update
ข้อมูลเข้ามา ซึ่งโดยสรุปอาจจะเรียกวิธีการแบบนี้ว่าเป็นการสื่อสารแบบทางเดียว
หรือเรียกว่า One Way Communication ก็ได้
WEB 2.0
จาก
WEB 1.0 ต่อมาเว็บไซต์ก็เริ่มมีการพัฒนา พวก WEB Board, Blog,
มีการนำภาพมาแชร์ นำ วีดีโอ มา Post มีการแชร์ แบ่งปัน แลกเปลี่ยน พูดคุย ทั้งจากเจ้าของเว็บไซต์เอง
หรือจากคนที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์กันเองเรียกว่า
ผู้ใช้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ข้อมูล หรือ Content ในเว็บไซต์นั้นมีการ
update และพัฒนา ปรับปรุง อย่างรวดเร็ว
ซึ่งทำให้เว็บไซต์มีรูปแบบของการสื่อสารเป็นแบบสองทาง หรือ Two Way
Communication
WEB 3.0
WEB 3.0 จะเน้นเรื่องการจัดการข้อมูลในเว็บมากขึ้น ดีขึ้น
และทำให้ผู้เยี่ยมชมสามารถเขัาถึงเนื้องหาของเว็บได้ดีขึ้นนั้นเอง และ Web
3.0 จะเป็นการพัฒนา แก้ไขปัญหาในระบบเว็บ 2.0
มากกว่าการสร้างบนพื้นฐานความรู้ใหม่
WEB 4.0
WEB
4.0 หรือเรียกว่า “A Symbiotic web”
คือเว็บที่ทำงานแบบ Artificial Intelligence (AI) ที่ฉลาดมากยิ่งขึ้น
คอมพิวเตอร์สามารถคิดได้ มีความฉลาดมากขึ้น ในการอ่านทั้งเนื้อหา ข้อความ
และรูปภาพ หรือวีดีโอ
สามารถตอบสนองหรือตัดสินใจได้ว่าจะ load ข้อมูลอะไร จากไหน
ที่จะให้ประสิทธิภาพดีที่สุดมาให้ผู้ใช้งาน
และนอกจากนี้ยังมีรูปแบบการนำมาแสดงที่รวดเร็ว เว็บ 4.0 จะทำให้เว็บ
หรือข้อมูลต่างๆ สามารถทำงานได้แทบจะทุก Device
หรืออาจจะช่วยระบุตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้เองเช่น GPS การใช้งานต่างๆ ที่สะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น